เอาละครับมาเข้าเรื่องกันเลยในเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรนั้น อยากจะบอกว่าคนทุกคนที่เกิดมานั้น เรามีเจ้ากรรมนายเวรติดตัวมากันทุกคนครับ และจะมีเจ้ากรรมนายเวรอยู่ ๒ แบบ จะอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียดคือ
*เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต
*เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นจิตวิญาณ
เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต คือเจ้ากรรมนายเวรที่เรามีโอกาสเจอและสัมผัสกันอยู่บ่อยๆเกิดเป็นวิบากกรรมกับเราได้เร็วแบบวันต่อวัน ทันตาเห็นเลย นั้นก็คือเป็นสิ่งที่มีชีวิตเหมือนกับเราที่ยังมีลมหายใจอยู่ในชาตินี้อาจจะเป็นคนใกล้ตัว เป็นพ่อแม่ เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน หรือคนในที่ทำงาน เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง คนรอบตัวเราหรือ แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงที่เราเลี้ยงเอาไว้ หรืออาจเป็นคนไกลตัว อยู่ห่างกันที่ได้แต่ยังเฝ้ารอโอกาสเหมาะสมที่จะมาเจอเรา มาสร้างเรื่องราวให้เราต้องปวดหัวเป็นทุกข์เดือดร้อน หรือต้องการให้เราสูญเสียอะไรบางอย่างในชีวิตไป
วิธีง่ายๆที่เราจะสังเกตุด้วยตัวเองว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรในแบบนี้หรือไม่ก็คือ ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตไม่คนก็สัตว์ที่นำความเดือดร้อนมาให้เรา มาสร้างความกังวลใจให้เราอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่เราเห็นหน้าแล้วอยากจะหนีไปให้พ้น ไม่อยากพบเจอ แต่จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น ประเภทนี้คือเจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิตที่ตอนนี้มาถึงตัวเราแล้ว
เมื่อเรารู้ตัวดีแล้ว รู้จักว่าเขาเป็นใครแล้ว พยายามทำดีกับเขา เข้าใจเขา ยอมเสียสละ ยอมทำตามที่เขาขอร้องเลี้ยงดูเขาหรือแม้กระทั่งมีเหตุการณ์บางอย่างที่เรามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เขาพอใจซึ่งก็คือ การชดใช้ที่เราไม่อาจจะรู้ตัวเลย สังเกตดูง่ายๆ ว่าเจ้ากรรมนายเวรพวกนี้จะเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดี พูดและทำกับเรา คิดกับเราดีขึ้น
เจ้ากรรมนายเวรที่ไม่มีชีวิต คือเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมันอาจจะยากมากที่จะรับรู้ของคนทั่วๆไป เพราะสภาพร่างกายของเรากับเขามันอยู่คนละมิติกัน คนละภพภูมิกัน จึงไม่อาจสื่อสารกันได้ตามปกติของคนธรรมดา และยิ่งบางคนที่ไม่เชื่อเรื่องกรรมการทำบุญกุศล การอุทิศผลบุญให้แก่ผู้อื่น ยิ่งเป็นการยากที่จะสื่อสารกันได้ ฉะนั้นครูบาอาจารย์ท่านจึงเน้นเรื่องการทำบุญทำทาน การถือศิลและการปฎิบัติธรรมด้วยการเจริญสมาธิภาวนา เพื่อให้จิตมีพลังที่สูงขึ้น สามารธส่งผ่านความรู้สึกที่ดีงามไปถึงอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพราะเมื่อผู้รับเป็นจิตวิญญาณที่มีความละเอียดของรูปกายที่แตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไป มีทางเดียวที่เราจะสื่อสารกับเขาได้ ก็ด้วยจิตเหมือนกันกับเขา
เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณนั้น เขาไม่มีร่างที่จะให้เราจับต้องหรือพูดคุยสื่อสารซึ่งๆหน้ากันได้ ตัวเราต้องปรับสภาพจิตของเราให้ละเอียดพอที่จะติดต่อสื่อสารกับเขาได้การที่เราต้องการสืื่อสารกับเขาเพื่อที่จะขอโทษ และขออโหสิกรรมจากเขาได้นั้น เราต้องฝึกจิตให้เป็นสมาธิซึ่งเกิดจากการเจริญภาวนา โดยการทำสมาธิซึ่งเป็นการรวบรวมจิตที่หยาบให้ละเอียดขึ้น ปรับความวุ่นวาย ความฟุ้งซ่านรวมมาเป็นจิตหนึ่งเดียว มีกำลังมุ่งตรงไปที่เจ้ากรรมนายเวร ไม่ต้องเบี่ยงเบนไปผิดทิศผิดทาง ซึ่งมีครูบาอาจารย์หลายท่านที่สั่งสอนไว้ว่า ยิ่งเราทำสมาธิได้นิ่งเท่าไหร่ จิตเราก็ยิ่งมีพลังแกร่งกล้ามากขึ้น และมีอำนาจมากขึ้นเท่านั้น
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านบทความของกระผม พี่ศรีนะครับ บทความต่อไปผมจะมานำเสนอเรื่องอะไรโปรดติดตามต่อนะครับผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น